วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อวดผิวสวยใส สไตล์คุณ อย่างมั่นใจกลางไอแดด

ผิวขาวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ และมีสุขภาพดี…คงไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกว่าไม่อยากมีผิวแบบข้างต้น ซึ่งนอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ต่างๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน

แสงแดด... คือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวของคุณให้หมองคล้ำ เสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัย เพื่อให้เราสามารถดูแลผิว และปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี แสงแดดที่มาจากดวงอาทิตย์นั้น ประกอบไปด้วยรังสี 2 ชนิด คือรังสีที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น สีม่วง สีแดง สีเหลือง เป็นต้น และอีกชนิดคือรังสีที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งก็คือ รังสี UV และรังสีอินฟาเรด และถ้าเราพูดกันถึงเรื่องความสวยความงามแล้วละก็ รังสีที่ส่งผลต่อความสวยความงามของเราก็คือรังสี UV นั่นเอง ภัยจากรังสี UV ที่มีผลต่อความสวยความงามแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือรังสี UVA และ รังสี UVB

- รังสี UVA กับริ้วรอย ... รังสี UVA ส่งผลต่อผิวหนังชั้นเดอมิส (Dermis) โดยทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (free radical) และเกิดการทำลายเส้นใยคอลลาเจน (collagen) ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ และริ้วรอยลึกแห่งวัย ซึ่งเป็นผลเสียแบบสะสมของการออกแดดเป็นประจำ เป็นระยะเวลานานๆ โดยไม่มีการป้องกันที่ถูกต้องและเหมาะสม

- รังสี UVB กับ Sunburn ... รังสี UVB ส่งผลต่อเซลล์เมลาโนไซท์ (melanocyte) ในผิวชั้นบนสุด (epidermis) ทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีผิวเมลานิน (melanin) ผิวจึงหมองคล้ำ เกิดเป็นปัญหาจุดด่างดำ และกระ-ฝ้า นอกจากนี้ยังทำให้ผิวเกิดอาการร้อนแดง และไหม้เกรียมได้ (Sun burn) ซึ่งผลจากรังสี UVB จะเป็นผลระยะสั้นๆ เช่น หลังจากที่เราออกกลางแดด ไม่กี่นาทีก็สามารถเกิดอาการผิวไหม้เกรียมจากแสงแดด ได้แล้ว นอกจากนี้รังสี UVB ยังอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

เราสามารถป้องกันรังสี UV ได้อย่างไร... สำหรับการป้องกันรังสี UV นั้น สามารถทำได้หลายวิธี เช่น

- การสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเน้นไปที่เสื้อผ้าสีเข้ม เช่น ดำ น้ำตาล เทา เป็นต้น และเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าถักทอแน่น ไม่โปร่ง เพื่อป้องกันรังสี UV

- สวมหมวกปีกกว้าง และ แว่นกันแดด เพื่อปกป้องใบหน้าและดวงตาจากรังสี UV และเลือกใช้ร่มที่เคลือบสารป้องกันรังสี UV

- หลีกเลี่ยงการออกกลางแดดในช่วง 9 โมงเช้า ถึง บ่าย 3 โมง เพราะเป็นช่วงที่รังสี UVB มีความแรงมากที่สุด

- ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดทาผิว เช่น โลชั่นกันแดด, ครีมกันแดด

มีหลักในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างไร.....เชื่อได้เลยว่าสำหรับสภาพอากาศของ เมืองไทยคงไม่มีใครใส่เสื้อผ้าหนาๆ หรือสวมหมวกปีกกว้าง แน่นอน ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิว จากแสงแดดจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ น่าสนใจ

สารกันรังสี UV หรือ UV filter มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ

- สารกันรังสี UV แบบกายภาพ (Physical UV filter) ซึ่งทำหน้าที่ในการสะท้อนกลับรังสี UV ที่ส่องมากระทบผิวของเรา ซึ่งสารกันรังสี UV ชนิดนี้ให้ความปลอดภัยค่อนข้างสูง มีโอกาสที่จะ เกิดการระคายเคืองน้อย เช่น Titanium Dioxide แต่มีข้อเสีย คือถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ผิวแลดูขาวจนเกินไป

- สารกันรังสี UV แบบสารเคมี (Chemical UV filter) ทำหน้าที่ดูดซับและกรองรังสี UV ไว้ที่ตัวเอง และส่งผ่านไปที่ผิวได้บ้าง เนื่องจากเป็นสารเคมีการใช้ในปริมาณสูง จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการระคาย เคืองผิวได้

ปัจจุบัน ครีมกันแดดส่วนใหญ่ ในท้องตลาดจึงนิยมผลิตออกมาในรูปแบบผสมผสานกันระหว่างสาร กันแดดทั้ง 2 ชนิด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดผลเสียจากการใช้สารกันแดดชนิดใดชนิดหนึ่ง มากเกินไป

สำหรับเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือกใช้ครีมกันแดด มีดังนี้

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปกป้องผิวจากรังสีได้ทั้ง 2 ชนิดคือทั้งรังสี UVA และ UVB

2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารกันแดดประสิทธิภาพสูง เช่น Titanium dioxide หรือ Tinosorb® S เป็นต้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการปกป้องผิว ผลิตภัณฑ์กันแดดควรระบุค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA อย่างชัดเจน เช่น ได้รับมาตรฐานออสเตรเลี่ยน สแตนดาร์ด ซึ่งหมายถึงสามารถป้องกันรังสี UVA ได้สูงถึง 90% เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยจากแสงแดดได้ในระยะยาว

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF เหมาะสมกับระยะเวลาในการออกแดด และความไวของผิวต่อรังสี UV ของเราเอง เช่น ถ้าปกติตัวคุณอยู่กลางแดด 20 นาทีแล้วจึงเกิดอาการผิวแดง ไหม้ แสบ ก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF อย่างต่ำ 25 เพราะสามารถทำให้อยู่กลางแดดได้นานเป็น 25 เท่า ของระยะเวลา 20 นาที ซึ่งก็คือประมาณ 8 ชั่วโมง

4. หากคุณเป็นคนผิวผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวเซนซิทีฟ (อยู่กลางแดดได้ไม่เกิน 8-10 นาทีก็เกิดอาการผิวไหม้ แสบ แดงแล้ว) ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง เพื่อให้คุณออกแดดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เช่น เลือกใช้ SPF 60 ซึ่งจะทำให้อยู่กลางแดดได้นานเป็น 60 เท่า หรือประมาณ 8-10 ชั่วโมง

5. สำหรับผู้ที่มีปัญหากระ-ฝ้า จุดด่างดำ หรือผู้ที่เล่นกีฬากลางแจ้ง เช่น ตีกอล์ฟ เทนนิส ว่ายน้ำ หรือไปเที่ยวชายทะเล ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่นกัน เช่น SPF 40-60 และในกรณีที่ต้องลงน้ำควรเลือกใช้ชนิดที่สามารถกันน้ำได้ด้วย และหลังจากขึ้นจากน้ำควรทาซ้ำทุกครั้ง

6. ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดครึ่งชั่วโมง และควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นประจำ เพราะแม้แต่ใต้ต้นไม้ หรือแม้แต่วันที่มีเมฆเยอะและไม่มีแดด รังสี UV ก็ยังสามารถส่องมาที่ผิวของคุณได้ นอกจากนี้ รังสี UVA ยังสามารถส่องทะลุกระจกได้ด้วย สาวๆที่นั่งทำงานริมหน้าต่าง ก็ควรป้องกันแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น