วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จำเป็นไหม Whitening

มุมมองของหน่วยงานรัฐผู้กำกับดูแลเรื่องเครื่องสำอางอย่าง ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) ยืนยันว่าสีผิวธรรมชาติถือเป็นสีผิวที่ดีที่สุดแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งส่วนใหญ่เป็นการผสมสาร 3 ชนิด คือ สารสกัดจากพืชที่อ้างว่ามีสารแอนติออกซิแดนต์ ที่ช่วยป้องกันผิวไม่ให้ได้รับอันตรายจากแสงแดด และสารกันแดดที่ป้องกันผิวจากแสงอัลตราไวโอเลต ขณะที่สารที่ อย.ห้ามเติมในเครื่องสำอางคือ สารที่เข้าไปทำลายเม็ดสีในผิวให้เปลี่ยนแปลงจากดำเป็นขาว อาทิ ไฮโดรควิโนน ปรอท แอมโมเนียม เพราะทำให้เกิดอาการผิวขาวด่างเป็นอันตรายได้

"สาร 2 ประเภทแรกที่ใส่ลงในเครื่องสำอาง ไม่มีการศึกษายอมรับว่าทำให้ผิวขาวขึ้น แต่เป็นเพียงหลักการที่ระบุว่า เมื่อไม่โดนแสงแดดผิวก็จะไม่ดำไปกว่าเดิม แต่ไม่ได้ทำให้ขาวขึ้นจากสีผิวตามธรรมชาติแต่อย่างใด" ภญ.วีรวรรณ กล่าว

ความที่เครื่องสำอางที่มีไวเทนนิ่งมีอยู่มากมายนับร้อยๆ ชนิด แล้วเราจะเลือกอย่างไรดีถึงจะได้ผลและไม่เป็นเหยื่อของการโฆษณา พญ.ณัฐินี สุทธินรเศรษฐ์ แพทย์ผิวหนังประจำคลินิกเอเพ็กซ์บิวตี้ แนะว่า ก่อนซื้อควรอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีว่ามีส่วนผสมมาจากอะไร ในปริมาณเท่าใด

ทั้งนี้ สารประเภทไวเทนนิ่งแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ประเภทแรกเป็นยา เช่น ยารักษาฝ้า ซึ่งอาจจะพบสารปรอทหรือไฮโดรควิโนน ที่มีผลข้างเคียงกับผิวหน้าในภายหลัง โดยปกติแล้วการรักษาฝ้าหรือการที่จะทำหน้าขาวนั้น การใช้ยาประเภทนี้จะต้องอยู่ภายใต้การสั่งยาของแพทย์ และเป็นยาที่ไม่มีการผลิตขาย ใช้เฉพาะในการรักษา

ประเภทที่สอง เวชสำอาง ส่วนมากมีส่วนผสมของกรดผลไม้ ซึ่งเป็นสารสกัดจากผลไม้ต่างๆ เช่น จากอ้อย (ไกโครลิก) ส้ม (ซิทริกแอสิด) หรือพรรณพืชต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเคมีที่ไม่ได้อยู่ในตระกูล AHA ตัวอื่นๆ อาทิ เรตินอล (อนุพันธ์ของวิตามินเอ) กรดวิตามินซี ซึ่งเป็นสารกันบูดในตัว โคจิกแอสิด สารฮาบูติน สารสกัดจากชะเอม) หรือชาเขียว - ชาขาว ซึ่งสารสกัดนี้ก็มีการคิดค้นขึ้นมาใหม่ทุกๆ ปี ส่วนการผสมนั้นจะผสมอะไรกับอะไร ปริมาณเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับสูตรลับของแต่ละบริษัท เจ้ากรดเอเอชเอนี้มีฤทธิ์ในการลอกผิวหน้าและลดการสร้างเม็ดสีในระดับหนึ่ง

ประเภทที่สาม คือประเภทที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มยาและเวชสำอาง ซึ่งมีสารฟีนอล ปรอท ที่เป็นสารอันตราย เพราะจะทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี ทำให้หน้าลอกและมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ถือเป็นเครื่องสำอางประเภทผิดกฎหมาย

สำหรับการเลือกใช้ให้เหมาะ

พญ.ณัฐินี แนะนำว่า ถ้ามีผิวแห้งก็ไม่ควรใช้ไวเทนนิ่งที่มีส่วนผสมจากกรดผลไม้ เพราะจะทำให้หน้าแห้งยิ่งขึ้น และอาจเกิดอาการแพ้ สวนคนผิวมันก็ไม่ควรใช้ไวเทนนิ่งที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

ทางที่ดีควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดด (ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าไวเทนนิ่งเสียอีก) โดยครีมกันแดดที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน นอกจากช่วยป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี ซึ่งอาจก่อมะเร็งผิวหนังแล้ว ยังช่วยไม่ให้ผิวคล้ำลง

ข้อควรระวัง ในแต่ละครั้งของการบำรุงผิว คือไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์มากเกิน 5 ชนิด เนื่องจากเมื่อเกิดแพ้แล้ว ยากจะทราบแน่ชัดว่าแพ้เครื่องสำอางตัวใด

อย่างไรก็ตาม คุณหมอผิวหนังทิ้งท้ายว่า โดยธรรมชาติคนไทย พื้นฐานของผิวหน้าและผิวพรรณนั้นเป็นสีดำแดง ผิวสองสี และบ้านเราแดดแรง แตกต่างจากเมืองจีนหรือเกาหลี การใช้เครื่องสำอางต่างๆ ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะสารเคมีย่อมมีผลข้างเคียง ไม่ว่าไวเทนนิ่งนั้นจะอยู่ในระดับมาตรฐานใด

"แม้ผิวไม่ขาว หากดูสะอาดสะอ้านกลิ่นกายหอม นิสัยดีก็ดูดีแล้วละค่ะ" คุณหมอกล่าว

Credit : http://beauty.vwander.com

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีเลือกซื้อ ครีมกันแดด

ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิดนะครับ ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVA และ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้ครับ แต่ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะว่า... วันนี้ผมมีวิธีเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝากกันครับ

SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ

1. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance)

2. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป

3. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง

4. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่นตา ใส่หมวก เนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 %

5. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น

6. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน เกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย

Credit : http://beauty.vwander.com/

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ถนอมผิวสวยเมื่อทำงานในห้องแอร์

คุณทำงานหนักเกินไป จนลืมใส่ใจตัวเองรึเปล่า อย่าลืมว่า คนทำงานสมัยใหม่อย่างเราๆ ต้องทำงานเจ๋งพร้อมๆ กับสุขอนามัยที่ดีด้วย ไม่ให้คนอื่นมาว่าคุณได้ว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง...ก่อนอื่นลองสังเกตผิวพรรณ ของคุณ

1. ครีมและโลชั่น รักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ ตั้งแต่คุณอาบน้ำเสร็จ ด้วยการชโลมโลชั่นให้ทั่วผิวกาย หรือถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมาก ควรเลือกใช้ครีมที่เนื้อจะเข้มข้นกว่า ทาให้ทั่วตัว เน้นที่แขนขา ซึ่งเป็นผิวที่ต้องเผชิญกับอากาศโดยตรง อาจจะพกโลชั่นขวดเล็กๆ ไว้ข้างโต๊ะทำงานด้วยก็ได้ รู้สึกผิวแห้งเมื่อไหร่ ก็หยิบมาทาได้เลยเดี๋ยวนั้น ครีมบำรุงผิวที่คุณต้องใช้ เช่น pH5 Lotion , pH5 Lotion F

2. เพิ่มความชื้นให้ห้องแอร์ ในห้องแอร์ อากาศมักจะขาดความชุ่มชื่น ทำให้ผิวคุณแห้งแตก จนหมดสวยได้ ลองหาต้นไม้เล็กๆ มาตั้งไว้ในห้อง หรือที่โต๊ะทำงาน หรือหาน้ำมาตั้งไว้สักแก้ว นอกจากจะช่วยเพิ่มความชื้นให้ห้องแอร์แล้ว สีเขียวๆ ของต้นไม้ยังทำให้คุณหายเครียดจากการทำงานไปได้เยอะทีเดียว

3. ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ เป็นกฎดั้งเดิมที่เรามักได้ยินบ่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันได้ผลจริงๆ ลองดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 – 10 แก้ว แล้วผิวคุณจะชุ่มชื่น สดใสขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

4. อาบน้ำ เติมความชุ่มชื่นให้ผิว หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ที่ร้อนจนเกินไป เพราะผิวของคุณขับน้ำมันออกมามากไป ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นได้ ถ้าคุณต้องอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ลองเลือกใช้สบู่ หรือครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของ มอยเจอร์ไรเซอร์ดู เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ผิวจะได้ไม่แห้ง อย่างเช่น pH5 Wash Lotion (สำหรับผิวธรรมดา-ผิวแห้ง) , pH5 Shower Oil(สำหรับผิวแห้ง)

สาวออฟฟิสทั้งหลายลองหันมาใส่ใจกับผิวพรรณของคุณดูสักนิด ก่อนที่อากาศแห้งๆ จะทำร้ายผิวสวยของคุณให้เสียจนเกินเยียวยา...

ดูแลผิวอย่างดีแล้ว ตำแหน่งสาวผิวสวยที่เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ต้องตาใครต่อใคร จะตกไปเป็นของใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คุณ

Credit : http://beauty.vwander.com

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารสำหรับสาว IT

นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์แล้ว ในทางตรงกันข้ามก็มีโทษต่อสุขภาพอย่างร้ายกาจเช่นกัน การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำให้ระบบประสาทเสื่อมและเกิดโรคเครียด ภาพและตัวอักษรที่เคลื่อนไหวอยู่หน้าจอนั้น มีโทษต่อสายตา และการใช้เครื่องอาจทำให้ปวดเอวและหัวไหล่ได้อีกด้วย

ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะมีโทษอย่างไร เราก็ต้องใช้มันต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ จึงเสนอว่าผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ควรใส่ใจกับการกินอาหารที่บำรุงสุขภาพให้แข็งแรง และป้องกันโรคต่างๆ ได้เช่น

อาหารกลางวัน ควรเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ ปลา และถั่ว

อาหารเย็น ควรเป็นอาหารเบา และรสจืด ซึ่งกินผักเหมาะที่สุด
นอกจากนี้ ยังควรกินอาหารบำรุงสมองและประสาทตา ได้แก่ ปลา กุ้ง ไข่ จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง

ส่วนอาหารที่บำรุงประสาทตา ได้แก่ ผักบุ้ง ฟักทอง ตับ ไข่ นม ผัก มะเขือเทศ นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงร่างกายแล้ว

สิ่งที่เราควรทำอีกอย่างหนึ่งคือ ... หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์นานๆ และควรดื่มน้ำมากๆ เมื่อเป็นสาวไอทีเต็มรูปแบบก็ควรดูแลตัวเองด้วยนะ

เครดิต : http://beauty.vwander.com

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุดยอด อาหาร คงความอ่อนเยาว์

10 สุดยอดอาหาร คงความอ่อนเยาว์

1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ดสีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริกแดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์มหาศาลจากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก


3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน เอ, ซี และเบตาแคโรทีน ที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิง และอบเชย ให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้องผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บดอะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดูก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของ ผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดง สดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับเกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผักกรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิว แล้วยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดอาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือนมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรกสาว Stay feeling young

10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหารไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

เครดิต : http://beauty.vwander.com

สวนกาแฟ แก้ได้ทุกโรค

จากเรื่องราว กับดักสุขภาพ 9 ประการ ที่หลายคนหลงผิดนั้น มีเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกาแฟ และคุณประโยชน์ของกาแฟมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม

กับดักสุขภาพ ประการที่ 9 สวนกาแฟ แก้ได้ทุกโรค คนไทยเห่ออะไรกันง่ายๆ โดยทำตามกันเป็นกระแส จึงมักจะสุดขั้วไปทางใดทางหนึ่ง เรื่องการสวนกาแฟก็เช่นเดียวกัน เกิดเสียงร่ำลือกันว่า สวนกาแฟทำให้ผอมจากคำให้การของดารานางแบบคนหนึ่ง จากนั้นกระแสสวนกาแฟก็เบ่งบาน แทนที่จะเป็นเรื่องดี กลับทำให้การสวนกาแฟกลายเป็นเรื่องตลกร้ายทางสุขภาพมาตลอดปี คือ สวนกาแฟผิดวัตถุประสงค์ เข้าใจว่าสวนเพื่อลดความอ้วน สวนเพื่อแก้ท้องผูก บางคนใช้กาแฟเกินพิกัด สวนแล้วตาสว่างไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน บ้างก็สวนพร่ำเพรื่อจนกลายเป็นการเสพติดการสวนกาแฟ แถมเมื่อเกิดอาการมือสั่น ใจสั่นหลังสวนกาแฟ ยังไปร่ำลือผิดๆว่า เป็นเพราะกาแฟกำลังช่วยให้เกิดการ ดีท็อกซ์ อยู่ หารู้ไม่ว่านั่นคือ อาการต้องพิษกาแฟ บางคนสวนแล้วสวนอีกวันละ 2-3 ครั้ง ก็กลับสนับสนุนกันไปใหญ่ แท้ที่จริงการที่คนเหล่านั้นต้องสวนบ่อยมาก เพราะเกิดอาการ เสี้ยนยา เพราะเสพติดกาแฟทางก้นนั่นเอง

แท้ที่จริง การสวนกาแฟเป็นเทคนิคดีๆของการแพทย์แผนธรรมชาติประการหนึ่งที่เอื้ออำนวยแก่ กระบวนการล้างพิษจากร่างกาย โดยอาศัยคาเฟอีนที่ดูดซึมจากลำไส้ใหญ่ผ่านเข้าสู่ตับ ไปกระตุ้นให้ตับขับพิษได้ดีขึ้น แต่ต้องรู้ว่า การสวนกาแฟไม่ใช่ยาครอบจักรวาลที่จะบำบัดสารพัดโรค และยิ่งไม่ใช่กรรมวิธีเพื่อการลดน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งถือเป็นสรณะในการรักษาอาการท้องผูก

ข้อบ่งชี้ของการสวนกาแฟ
- ใช้คู่กับการอดเพื่อสุขภาพ ช่วยล้างพิษจากร่างกายให้ดีขึ้น
- สำหรับคนที่ถูกพิษมาเฉียบพลัน เช่น ผงชูรส ควันรถยนต์ ควันบุหรี่
- รักษาภูมิแพ้ ไมเกรน ภูมิเพี้ยน เช่น SLE รูมาตอยด์ หอบหืด
- อาการที่แสดงถึงภาวะสะสมสารพิษในร่างกาย
- ผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อลดสารก่อไข้ที่ก้อนมะเร็งซึมซ่านออกมา ช่วยลดผลข้างเคียงของเคมีและรังสีบำบัด
สวนกาแฟผิด ... คิดไปอีกนาน

อันตรายของการสวนกาแฟไม่ถูกวิธีคือ
- ติดเชื้อ จากการใช้อุปกรณ์ประเภทถุงพลาสติกที่อมคราบความชื้นอยู่ภายใน
- ต้องพิษกาแฟ เพราะใช้กาแฟมากเกินไป ใช้ถึงครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ พิษเฉียบพลันทำให้ใจสั่น พิษระยะยาวทำให้เสพติดกาแฟ และอาจทำให้ตับทำงานหนักจนเกินขอบเขต
- เสียเวลาต้มกาแฟ
- อันตรายจากน้ำร้อนลวกลำไส้ เนื่องจากการใช้กาแฟชนิดต้ม และเนื่องจากการใช้ถุงสวน ถุงที่เป็นพลาสติกเป็นฉนวนกั้นความร้อน ทำให้เมื่อสัมผัสภายนอกแล้ว ไม่รู้อุณหภูมิที่แท้จริงของน้ำในถุง

คนที่ถูกน้ำร้อนลวกลำไส้จะมีอาการต่อไปนี้คือ
- ปวดมวนท้อง
- ปวดถ่วงอยากถ่าย
- ถ่ายเป็นมูก บางคนถ่ายหลายๆครั้งติดๆกัน
- การสวนกาแฟในคนที่ร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ เช่นวัยรุ่นที่กินแต่อาหารขยะ แล้วสวนกาแฟตามแฟชั่น จะเกิดอาการคั่งพิษในตับ เกิดอาการเปลี้ยเพลีย มึนหัว การสวนกาแฟจึงพึงสงวนไว้ใช้ในหมู่ผู้รักสุขภาพเท่านั้น วัยรุ่นกินแต่ Junk food จึงไม่ควรมาสวนกาแฟให้เสียสถาบัน

เพื่อป้องกันปัญหาคั่งพิษในตับ ก่อนสวนจึงควรกินขมิ้นชัน 5 เม็ดลูกกลอน (หรือ 3 แคปซูล) ร่วมกับโสม 1 เม็ด

ใครบ้างไม่ควรสวนกาแฟ
- เด็กวัยเจริญเติบโต
- หญิงมีครรภ์
- ผู้แพ้กาแฟ จะเกิดอาการปวดมวนท้อง
- ผู้ที่ความดันเลือดสูงวิกฤต และยังควบคุมไม่ได้ เช่นสูงเกิน 160/100 มม.ปรอท
- ผู้ที่เพิ่งผ่าตัดลำไส้มายังไม่ถึง 1 เดือน ควรรอให้รอยผ่าตัดลำไส้ได้สมานคืนดีๆเสียก่อน
- ผู้ที่ถูกฉายรังสีบริเวณท้องน้อย เยื่อบุลำไส้อาจได้รับผลกระทบทำให้มีความระคายเคืองมากอยู่แล้ว

อุปกรณ์การสวน ... ข้อพึงสังวรณ์
- ชุดสวนแบบถุงพลาสติก อาจมีอันตรายจากความชื้นที่หมักหมม ทำให้เกิดเชื้อรา
- ชุดสวนแบบเป็นกระเป๋าน้ำร้อนดัดแปลง อาจมีสารโลหะหนักหลุดออกมาจากเนื้อยางเข้าสู่ลำไส้
- ชุดสวนที่ทำจากขวดน้ำพลาสติกใสๆ (ขวด PET) เคยมีข่าวส่งกันทางอินเตอร์เนต พบว่าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งใช้ขวด PET กรอกน้ำดื่มเพื่อใช้ซ้ำๆ ในภายหลังเด็กคนนี้เสียชีวิตไปโดยไม่ทราบสาเหตุ การใช้ขวด PET จึงมีข้อพึงสังวรณ์
- ชุดสวนมาตรฐานแบบสเตนเลส ล้างทำความสะอาดให้แห้งได้ ใช้ได้ทนทานตลอดชีพ
- ชุดสวนมาตรฐานแบบพลาสติก ล้างทำความสะอาดให้แห้งได้ เบาสบาย พกสะดวก โปร่งใสสามารถกะปริมาณน้ำกาแฟได้

กาแฟใช้สวน...อย่างไหนเหมาะหรือไม่เหมาะ
- กาแฟบดธรรมชาติซองละ 2 ช้อนโต๊ะ ต้องต้มเสียเวลา และมัก Overdose เพราะปกติคนเราชงกาแฟเพียงครั้งละ 1 ช้อนชา การใช้ครั้งละซองคือ 1 ช้อนโต๊ะเสี่ยงที่จะเกิดการต้องพิษกาแฟ
- กาแฟผงธรรมดา ซองละ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้แช่น้ำร้อน ยิ่งคุมโด๊สได้ลำบาก
- ปัจจุบันมีกาแฟสวน ชนิดใหม่ สำเร็จรูปชนิดซองละ 2.5 กรัม ใช้สะดวก ใช้น้ำอุ่นอาบน้ำธรรมดาละลายน้ำใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องต้ม สวนกาแฟต้องต่อย Vitamin B ใส่ลงไปหรือไม่

คนเราจะทำอะไรก็ต้องหาความรู้และใช้อย่างสมเหตุผล ใครที่ทำเช่นนั้นเคยถามเจ้าของตำรับหรือไม่ว่า ต่อยลงไปเพื่ออะไร ถ้าจะบอกว่าเพื่อให้ดูดซึมไปให้ตับได้ใช้ ปัญหามีอยู่ว่าวิตามินบีที่ทางเภสัชกรรมเขาทำไว้สำหรับฉีด เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่ายาหลอดนั้นจะมีอัตราการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทางลำ ไส้ใหญ่ได้ขนาดไหนแล

บทความจาก : นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล Credit : แอน (แอ่นแอ๊น)@Pantip

คำค้นสำคัญ : สุขภาพ
เนื้อหาที่ใกล้เคียงและเกี่ยวข้อง
- กรดเฟรูลิก Ferulic acid กับการต้านมะเร็ง
- อันตรายจากเลเซอร์
- ผักผลไม้ช่วยลดน้ำตาลในเลือด โรคเบาหวาน
- โรคกระดูกพรุนคุณผู้หญิง ป้องกันได้
- โรคอ้วนในผู้หญิง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหาร 10 อย่างที่ควรมีเก็บไว้ในตู้เย็น

น้ำเปล่า

"น้ำ" ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไม่อย่างปกติ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งช่วยให้การขับถ่ายของเสียทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวชุ่มชื่น โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำอุณหภูมิปกติ

ผัก

ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ อาทิ วิตามิน เกลือแร่ อยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมี "ใยพืช" (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้

ไข่ไก่

เพราะในไข่ไก่มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลาย ชนิด เช่น วิตามินเอ , บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก , สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนใครที่เคยเชื่อมาผิด ๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น คุณเข้าใจผิด เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมาก

นม Milk

ในที่นี้จะเป็นประเภทใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง หรือนมเปรี้ยว เพราะทุกประเภทล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราต้องอ่านฉลากข้างกล่องหรือขวดให้ดีก่อนจะซื้อมาเก็บไว้ในตู้ เย็น เพราะในนมแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตรก็จะมีปริมาณน้ำนมและสารปรุงแต่งไม่เท่ากัน สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารคุณควรดื่มนมวัว เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีน จากถั่วเหลือง

เนื้อปลา

และอาหารจำพวกปลา เพราะโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ผลไม้รสเปรี้ยว

เช่น ส้ม , มะม่วง,ฝรั่ง, กีวี่ ,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง (แถมยังปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมาก) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายอีกด้วย

โยเกิร์ต

มีวิตามิน ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี2, บี3, บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่ก่อนซื้อต้องอ่านฉลากให้ดีก่อนว่าในโยเกิร์ตรสและยี่ห้อนั้น ๆ มีส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง แนะนำว่าโยเกิร์ตธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยดีที่สุด

แอปเปิ้ล

มีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น และถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือก เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัม

ถั่ว และพืชตระกูลถั่วทั้งหลาย

ถือเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์เชียว ดังนั้นคนที่อยู่ในช่วงทานเจหรือมังสวิรัติแต่ไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และที่สำคัญถั่วยังอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล

ธัญพืช

จำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข่าวฟ่าง,เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว, รำจ้าว (ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน) ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทั้งยังดีต่อสุขภาพ โดยในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำเกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง (ต่างจากแป้งขัดขาวซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็ว) นอกจากนี้ธัญพืชยังเปี่ยมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์รู้อย่างนี้แล้ว ลองหาอาหารแต่ละชนิดมาติดไว้ในตู้เย็น เพื่อสุขภาพที่ดี

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ

ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากผู้รู้ และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหลายคน ให้กินนั่น หรือ ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

* กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

* ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวันปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอก ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

* ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

* เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและ กระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

* บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหน ๆ

* สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวม ทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

* จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

* กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

* เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

* กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การรักษารูปร่างให้สวยกระชับ การออกกำลังกายของผู้หญิง

ความอ้วน ถือเป็นศัตรูสำคัญของหญิงสาวหลายๆ ท่านเลยทีเดียว มีหลายคนที่ยังเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการลดความอ้วนอยู่แบบผิดๆ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น เราขอเสนอ เคล็ดลับในการลดความอ้วน ชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่ต้องพึ่งพา ยาลดความอ้วน ที่มีอันตรายต่อร่างกาย ส่วนคุณผู้หญิงท่านใดที่มีรูปร่างผอมเพรียวสมส่วนอยู่แล้ว เรามีเคล็ดลับในการควบคุมรูปร่างให้ฟิตอยู่เสมอมาฝาก ดังนั้นมาดูเคล็ดลับที่ว่านี้กันเลยดีกว่า

การรักษารูปร่างให้สวยงาม ควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลนั้น คุณควรใช้วิธีคุมอาหารไปพร้อมกับการออกกำลังกาย (ไม่ได้หมายความว่า กินไปวิ่งไปหรอกนะ) เพราะการออกกำลังกายจะเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันออกมาใช้มากขึ้น ดังนั้น อาหารที่คุณกินเข้าไปจะถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว (ยกเว้นผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน อาจใช้เวลาในการเผาผลาญพลังงานนานกว่าปกติ) และไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ทำงานหรือที่บ้าน การพยายามเคลื่อนไหวตัวให้มากที่สุดจะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นนั่น เอง หรือในช่วงที่คุณออกกำลังกาย การฟังเพลงที่เร้าใจตอนออกกำลังกายจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณออกกำลัง กายอย่างต่อเนื่อง และการออกกำลังกายในตอนเย็นช่วง 16.00-18.00 น. นั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้คุณนอนหลับฝันดี โดยเฉพาะการออกกำลังกายชนิดที่ช่วยเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การวิ่ง เดิน ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที ทั้งนี้ หลังจากออกกำลังกายเสร็จสิ้น คุณสามารถที่จะทานน้ำเปล่าสะอาดๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลผสม เนื่องจากระบบเผาผลาญพลังงาน จะเปลี่ยนไปเป็นการเผาผลาญพลังงานที่คุณรับมาในตอนนั้นแทน แทนที่ร่างกายคุณจะทำการเผาผลาญพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายต่อไป ทำให้ที่ทำมาทั้งหมด สูญเปล่า



การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อ โดยทิ้งช่วงเวลาให้ห่างกันสัก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกเฉื่อยชา และเมื่อคุณต้องรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากเป็นประจำ เพราะผักและผลไม้นี้ นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณอีกด้วย และช่วยลดระดับไขมัน ลดโคเรสเตอรอลในร่างกายอย่างได้ผลอีกด้วย

เนื้อสัตว์ ควรรับประทานปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเป็นประจำ โดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นโปรตีนชั้นดี และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนของหวานนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเลิกรับประทาน เพราะการทานนานๆ ครั้ง ไม่ได้ทำให้แผนลดน้ำหนักของคุณต้องล้มเหลวลง ถ้าคุณขยันออกกำลังกายมากขึ้นในสัปดาห์นั้น หรือในวันที่คุณคิดว่าคุณทานไปเยอะแล้ว

นอกจากนี้การดื่มน้ำในช่วงตื่นนอนก็ช่วยทำให้คุณสดชื่นและเป็นการช่วยระบาย ท้อง ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ผลดีขึ้น ช่วยลดความอึดอัดในท้องได้ ช่วยละลายกรดและแบคทีเรียที่สะสมในลำไส้ ส่วนการดื่มน้ำในระหว่างวันก็จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น กระปรี้ กะเปร่า หลังจากการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ

อีกวิธีที่สำคัญคือ ควรนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการหลับไม่เต็มอิ่มนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า การพักผ่อนหลับสนิท เป็นการเผาผลาญพลังงานที่ดีอีกด้วย ร่างกายดูดซับพลังงานได้อย่างเต็มที่ หากหลับไม่สนิท พลังงานที่มีจะไม่ถูกดึงไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ร่างกายก็จะสะสมพลังงานในรูปไขมัน ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วคุณผู้หญิงควรจะนอนประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ไม่ใช่ 8 ชั่วโมงอย่างที่เคยเชื่อกัน เพราะจะทำให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และทำให้เซลล์ของร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองไปในตัว

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผลก็คือ ความรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย ที่ต้องทนเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้ง เป็นเพราะคุณคาดหวังผลเร็วเกินไป แต่ขอให้เชื่อว่าการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องไม่เร่งให้น้ำหนักตัวลดลงอย่าง ฮวบฮาบนั้น แม้จะได้ผลช้า แต่รับประกันได้ว่า ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน และยังได้ผลที่ถาวรกว่าการควบคุมน้ำหนักแบบฮวบฮาบ ชั่วครั้งชั่วคราวอีกด้วย

ข้อสำคัญ พยายามคิดให้ได้ว่า รับพลังงานมาเยอะ ก็ควรใช้ออกไปเยอะๆ อย่าเหลือเก็บ จะไม่สะสมในร่างกายแน่นอน

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บำรุงผิวหน้าด้วย แตงโม

ผลไม้หลายชนิด สาวๆ นิยมนำมาทำเป็นสครับ และอีกหลายชนิดมีสรรพคุณบำรุงผิวไม่แพ้เครื่องสำอางค์ยี่ห้อดังๆ ราคาแพงๆ ซ้ำยังหาได้ง่ายในบ้านเมืองเรา "แตงโม" ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลไม้ที่น่ารับประทานแล้ว "แตงโม" ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ชุ่มชื่นอีกด้วย วันนี้ เรามีเคล็ดลับสำหรับผิวสวยด้วยแตงโมมาฝากกัน...


วิธีบำรุงผิวด้วยแตงโม

ก่อนอื่นต้องหาอุปกรณ์ จำพวกผ้าขาวบาง ที่มีขนาดพอประมาณ 1 ผืน เพื่อนำมารองรับชิ้นแตงโม และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ผลแตงโม จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการ ที่เหลือยังเอาไว้รับประทานได้อีกด้วย

วิธีทำก็คือ เฉือนเนื้อแตงโม โดยคัดเฉพาะที่เป็นเนื้อในสุด ให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอประมาณ อย่านำเนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้ชิดกับเปลือก เนื่องจากเนื้อส่วนนี้จะมีความเข้มข้นของกรดอยู่พอประมาณ และมีความแข็งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เมื่อได้ชิ้นแตงโมที่ฝานบางๆ แล้ว นำมาวางไว้บนผ้าขาวบางที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว (แบบให้ชิ้นแตงโมติดกับผิวหน้า) หากไม่ต้องการใช้ผ้าขาวบาง ก็ไม่ว่ากัน สามารถนำชิ้นแตงโมมาวางบนผิวหน้าได้เลย ระวังน้ำที่มีจากผลไม้ จะเยิ้มทั่วหน้าด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ระวังมดขึ้นหน้าด้วยนะจ๊ะ

สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโมนั้น นอกจากชิ้นแตงโมจะมีความเย็นในตัวเองอยู่แล้ว ช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า lycopene ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี สาวๆ ลองนำไปปฏิบัติตามกันได้ เพื่อผิวหน้าที่สดใสและชุ่มชื่น

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับผิวขาว สุขภาพดี


เติมเคล็ดลับสุขภาพผิว ด้วยโยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง ทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ จากที่บ้าน สาวๆ ยุคใหม่ที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวพรรณให้เรียบเนียน นุ่มสวยอยู่ตลอดเวลา จากรายการ "เคล็ดลับวันหยุด" ที่ผ่านมานั้น ได้บรรยายถึงวิธีการที่จะได้มาพร้อมผิวขาวสุขภาพดีมาฝาก ในรายการที่มาพร้อมกับพิธีกรสาวหุ่นเพรียว "คาร่า พลสิทธิ์" จะมาบอกเคล็ดลับเพื่อผิวขาว สุขภาพดี ที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยใช้ชื่อเคล็ดลับว่า "โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง" ซึ่งเธอได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า

คาร่ามีผิวขาวสุขภาพดีได้ ก็เพราะคาร่าได้บำรุงผิวพรรณจากโยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาตินี่แหละ และถ้าพูดถึงโยเกิร์ตแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อระบบขับถ่าย แถมยังเป็นอาหารผิวที่ดีได้อีกด้วย ส่วนน้ำผึ้งนอกจากจะมีสรรพคุณมากมายหลายอย่างแล้ว ก็ยังมีคุณค่าในด้านความสวยความงามกับบรรดาสาวๆ อีกด้วยเช่นเดียวกัน

กรรมวิธีการทำและส่วนผสมของเคล็ดลับนี้ เริ่มจากน้ำน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตเปล่าๆ 1 ถ้วย นำมาคนให้เข้ากันทั้งสามส่วน แล้วนำมาทาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ หากทาทั้งตัวคิดว่าน่าจะเปลืองเอามากๆ ดังนั้น เอาเฉพาะบริเวณที่ต้องการก่อนดีกว่า จากนั้นใช้ปลายนิ้วขัดผิวเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือด และขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกมา เสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โยเกิร์ตที่ทำนี้ เรียกว่า สครับก็ไม่ปาน มีสรรพคุณมากมาย แล้วยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว และคงความขาวเนียนให้กับผิวได้อีกด้วย อย่าลืมบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นประจำ ให้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย เพื่อคุณจะได้เป็นเจ้าของผิวที่ขาว อมชมพูอย่างมีสุขภาพดีตลอดไป

สุดท้าย การได้มาซึ่งผิวขาวเนียน ไม่เสมอไปที่จะต้องผ่านมือแพทย์ เป็นต้นว่า การฉีดผิวขาว ด้วยสารเคมี การมีสุขภาพผิวที่ดี มี ความสวย สุขภาพดี เริ่มเองจากที่บ้านได้

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้ำปั่นผลไม้บำรุงสายตา


ผัก-ผลไม้หลากชนิดนำมาปั่นกลายเป็นเครื่องดื่มบำรุงสายตา เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ แม้จะมีส่วนผสมให้ต้องเตรียมมากถึง 17 ชนิด โปรดอย่าถอดใจ เพราะส่วนผสมทั้งหมดนั้นเมื่อนำมาปั่นผสมกันแล้วเสมือนเป็นการเติมสารอาหาร ที่มีคุณประโยชน์มากมายสู่ร่างกาย

โดยจะขอยกตัวอย่างสรรพคุณของส่วนผสมบางชนิด อย่าง เมล็ดแฟลกซ์ แหล่งรวมของกรดไขมันที่จำเป็นอย่าง โอเมกา 3 สารอาหารบำรุงสมอง ทั้งยังเสริมสร้างการทำงานของหัวใจ ลดระดับคอเลสเตอรอล เพิ่มความแข็งแกร่งของภูมิคุ้มกันร่างกาย

ส่วน แครอต อุดมไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็งร้าย แถมยังช่วยเสริมการทำงานของหัวใจ และระบบทางเดินหายใจให้มีประสิทธิภาพ และ บีตรูต เปี่ยมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 และบี6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และสังกะสี ช่วยทำความสะอาดตับและลำไส้ส่วนล่าง ขับสารพิษ ฟอกเลือดและไต เพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ได้มากถึง 400% สำหรับคุณผู้หญิงการรับประทานบีตรูตจะช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ

เครื่องดื่มแก้วนี้มีส่วนผสมที่จะต้องเตรียมตามสัดส่วนดังต่อไปนี้...

หัวบีตรูตขนาดกลาง 1 หัว

แครอต 2 หัว

ผักปวยเล้ง 1 ต้น

ข้าวโพด 1 ฝัก

มะเขือเทศ 2 ลูก

บลูเบอรี่ 1 ถ้วย

กีวี 2 ผล

องุ่นดำชนิดมีเมล็ด 2 ถ้วยครึ่ง

น้ำกลั่น 2 ถ้วยครึ่ง

เกลือทะเล 1 ช้อนชา

ผงขมิ้น 1 ช้อนชา

เกสรผึ้ง 2 ช้อนชา

เก๋ากี้ 3 ช้อนโต๊ะ

เมล็ดแฟลกซ์ 2 ช้อนชา

งาดำ 4 ช้อนชา

เมล็ดฟักทอง 1 ช้อนชา

เลซิทิน 2 ช้อนชา

ขั้นตอนการปรุงดื่ม เริ่มจากการล้างส่วนผสมทั้งหมดให้สะอาด หั่นแครอตและมะเขือเทศเป็นชิ้น ส่วนข้าวโพดฝานเอาแต่เมล็ด ส่วนกีวีต้องปอกเปลือกก่อนหั่นเป็นชิ้น สำหรับบีตรูตต้องล้างให้หมดดิน กรณีที่ส่วนใดล้างดินไม่หมดให้ใช้มีดฝานออก จากนั้นเทน้ำกลั่นลงไปในโถปั่นใส่ผัก ผลไม้และส่วนผสมทุกชนิดลงปั่นพร้อมกันยกเว้นเลซิทิน ที่ให้เติมลงไปหลังจากส่วนผสมทุกอย่างถูกปั่นเป็นน้ำ เมื่อเติมเลซิทินแล้วให้ปั่นต่อไปอีก 10 วินาที ก็จะได้เครื่องดื่มบำรุงสายตาราว 6-7 แก้ว เฉลี่ยแบ่งให้ได้แก้วละ 250 ซีซี ควรดื่มให้หมดภายในวันเดียว ถ้าจะให้ดีผักและผลไม้ที่จะนำมาปรุงดื่มควรเป็นผักอินทรีย์ปลอดสารเคมี

อย่างไรก็ตาม ดร.อู๋ แนะนำให้เลือกใช้เครื่องปั่นที่มีความแรง 3.5 แรงม้า ขณะดื่มให้เคี้ยวกากน้ำผักและผลไม้ช้า ๆ 10 ครั้งก่อนกลืน ควรดื่มก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต 100 คำถามเจาะลึกเพื่อสุขภาพ

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุดยอดอาหารล้างพิษในร่างกาย


เรียงจากชนิดดีน้อยสุดไปยังสุดยอดอาหารดีที่สุด ในการล้างพิษในร่างกายสาวๆ เริ่มต้นด้วย

อันดับที่ 20 สาหร่าย พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย ในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก

อันดับที่ 19 หัวหอม ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่

อันดับที่ 18 มะนาว เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษ และทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้ และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย

อันดับที่ 17 เมล็ดแฟลกซ์ ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรง

อันดับที่ 16 กระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติ ช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้

อันดับที่ 15 ทับทิม ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิม สามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในผลทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยา แก้ปวด ช่วยล้างพิษ ลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และลดอาการอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

อันดับที่ 14 พืชตระกูลถั่ว (เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย

อันดับที่ 13 ขึ้นฉ่าย ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควัน บุหรี่ด้วย

ตามมาด้วย อันดับที่ 12 แครอท เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ( Alpha and Beta-carotene ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และจากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง และช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น

อันดับที่ 11 มะเขือพวง คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหาร ประเภท ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วย ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลักแต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าม แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน
มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย

อันดับติด top ten สุดๆ คือ อันดับที่ 10 ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เพราะเป็นผลไม้รสชาติดีจึงได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ ร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ตามมาติดๆ กับอันดับที่ 9 กระเทียม จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย

อันดับที่ 8 บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่ง และถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

อันดับที่ 7 กะหล่ำ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย

อันดับที่ 6 บีทรูต ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ ซึ่งประกอบไปด้วยไฟโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือด ให้สมดุลด้วย

อันดับที่ 5 อะโวคาโด อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน(Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

อันดับที่ 4 ตำลึง ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย

อันดับที่ 3 แอปเปิ้ล ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเบิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้

อันดับที่ 2 อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควร กินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia )จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก

สุดยอดอาหารล้างพิษในร่างกายหาง่ายรับประทานสะดวกขอยกให้กับ

อันดับที่ 1 กล้วย นั่นเอง ซึ่งกล้วยนั้นมีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกิออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการอาบน้ำเพิ่มความงาม


การอาบน้ำของสาวๆ ส่วนใหญ่นั้นสามารถเรียกความสดชื่นกลับคืนมาได้ทันที เราจะรับรู้ได้ถึงความผ่อนคลาย แถมอารมณ์ก็แจ่มใสขึ้นด้วย แต่การอาบน้ำเพื่อการพักผ่อนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักๆ คือ อุณหภูมิของน้ำ, น้ำมันหอมระเหย, อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เสริมต่างๆทั้งนี้ อย่าลืมเรื่องอุณหภูมิของน้ำซึ่งเป็นปัจจัยหลักด้วย เพราะการอาบน้ำ สิ่งเริ่มต้นสำหรับความสวย

การอาบน้ำร้อน

น้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 39 องศา จะทำความสะอาดร่างกายได้ดีที่สุด เพราะความอุ่นจะเข้าไปเปิดรูขุมขน ทำให้ผิวหายใจได้มากขึ้น ยิ่งถ้าได้อาบน้ำอุ่นก่อนนอนจะทำให้นอนหลับสบาย แต่ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดๆ หรืออาบน้ำร้อนนั้นบ่อยครั้งนัก และไม่ควรอาบนานเกิน 10-15 นาที เพื่อป้องกันผิวแห้งจากการสูญเสียน้ำมันบนผิวหนัง ยังทำให้หัวใจต้องทำงานมากขึ้น ในการขยายเส้นเลือดเพื่อจะช่วยให้ร่างกายเย็นลง

การอาบน้ำเย็น

การอาบน้ำเย็นจะทำให้เป็นหนุ่มสาวอยู่เสมอ เพราะความเย็นของน้ำจะทำให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังได้มากขึ้น ทำให้เกิดการหมุนเวียนได้ดี อุณหภูมิของน้ำที่ 21-27 องศาเซลเซียส จะทำให้ผิวเย็นสบาย สดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย ปลุกเร้าประสาทสัมผัส ทำให้กล้ามเนื้อสดชื่น และยังเป็นผลดีต่อระบบการหายใจ หลังอาบน้ำใช้ฝ่ามือตบเบาๆ ให้ทั่วตัว เพื่อกระตุ้นเซลล์ผิว และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

กลเม็ดเคล็ดลับในการอาบน้ำเพิ่มความงาม

ปัดถูร่างกายก่อนอาบ

ใช้แปรงขนนุ่มแห้งและสะอาดถูตัว โดยเน้นข้อศอก, เข่า, ส้นเท้า, เท้า ทั้งนี้ หากไม่มีแปรง คุณก็สามารถใช้ผ้าขนหนูแห้งๆ ถู หรือขัดตัวได้ โดยการจับปลายผ้าทั้งสองข้าง แล้วขัดถูไปตามร่างกายจุดละประมาณ 20 ครั้ง (ไม่ต้องลงน้ำหนักมาก เพราะอาจจะเป็นการทำร้ายผิวอันบอบบางได้) เพื่อเป็นการขจัดคราบไคล ฝุ่น เซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก

ขัดผิวขณะอาบน้ำ

แยกผลิตภัณฑ์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นสัดส่วน เช่น ผลิตภัณฑ์ Scrub สามารถใช้ได้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย และใช้ได้ดีกับบริเวณผิวที่ละเอียดอ่อนอย่างหน้าอก, ลำคอ และอุปกรณ์ประเภทฟองน้ำ, ใยสังเคราะห์ หรือแปรงขัดผิว จะเหมาะกับผิวแขน, ขา, ไหล่, หลัง เพราะคุณสามารถลงน้ำหนักบนผิวบริเวณดังกล่าวได้ ส่วนหินขัด, แผ่นขัดเท้า เหมาะกับจุดที่แห้งกร้าน

ควรนวดและฉีดน้ำ

เมื่อตัวเปียกหรือมีฟองสบู่ ให้นวดไปมาวนเป็นวงกลมหรือยึดหลักเหมือนการนวดน้ำมัน เพื่อเป็นการผ่อนคลาย และหากคุณใช้ฝักบัวในการอาบน้ำ ให้เปิดน้ำแรงๆ ลงบนร่างกายโดยให้วนไปมารอบอก, ย้อนขึ้น-ลง บริเวณแขน-ขา เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีเปล่งปลั่ง

ทำทั้งหมดนี้ในระหว่างขั้นตอนการอาบน้ำ รับรองว่า สาวๆ จะมีผิวและอัตราความงามเพิ่มเป็นทวีคูณแน่นอน

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ คุณค่ากับความงาม


เมื่อพูดถึงประโยชน์ของมะพร้าว หลายคนคิดแค่เพียงว่าน้ำสามารถดื่มได้ เนื้อมะพร้าวไว้ทำกะทิ เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายอย่าง แต่ลืมนึกไปว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ สามารถนำมาใช้กับความงามของสาวๆ ได้ น้ำมันมะพร้าว…มหัศจรรย์ความงามที่ต้องบอกต่อ

หากเมื่อพูดถึงมะพร้าวแล้ว จะนึกถึงอะไรกันบ้าง หลายคนอาจจะนึกถึงหาดทราย สายลม แสงแดด และชายทะเลสักที่หนึ่ง อีกส่วนหนึ่งอาจจะนึกถึงความหอมหวานชื่นใจของน้ำมะพร้าวเย็นๆ สักลูก แต่สาวๆ ทราบหรือไม่ว่า มะพร้าวกับความงามของผู้หญิงนั้น มีความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่มากมาย จนสาวๆ หลายๆ ท่านคาดไม่ถึงเลยทีเดียว มาดูสิว่าน้ำมันมะพร้าวที่มองดูแล้วแสนจะธรรมดานั้น จะมีเคล็ดลับความสวยความงามอะไรให้ผู้หญิงเราสบายอารมณ์กันบ้างดีกว่าค่ะ
มะพร้าว เป็นพืชที่ปลูกกันมาอย่างยาวนานในประเทศไทย ได้ขึ้นชื่อว่าต้นไม้สารพัดประโยชน์ต่อชีวิตคนเราหรือ Tree of Life เพราะสามารถนำมะพร้าวมาใช้ได้ทุกส่วน และการปลูกมะพร้าวนั้นก็ไม่ยากเนื่องจากมะพร้าวเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย

การสกัดน้ำมันมะพร้าวมาใช้ประโยชน์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สกัดได้มาจากผลมะพร้าว และสามารถเชื่อมั่นได้เลยว่าปราศจากสารเคมีใดๆ เจือปน เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการเคมีต่างๆ เพื่อทำให้บริสุทธิ์ หรือแม้กระทั่งวิธีการฟอกสี หรือการกำจัดกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวมีขนาดโมเลกุลที่เล็กมากๆ สามารถดูดซึมใช้ได้อย่างง่ายดาย ทันที และทันใจสาวๆ ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ


แล้วน้ำมันมะพร้าวกับความงามของสาวๆ ล่ะเกี่ยวกันยังไง?

เกี่ยวกันอย่างแน่นอนเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งจะว่าไปแล้วสาวๆ สามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้ประทินความงามได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากันที เดียว เรามาดูเคล็ดไม่ลับฉบับสบายอารมณ์ ที่ปิดไว้ไม่อยู่ต้องนำมาบอกต่อให้สาวๆ กันเลยดีกว่าค่ะ


ผมงาม กับน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

ทรีทเม้นต์บริสุทธิ์จากธรรมชาติที่สามารถสู้กับทรีทเม้นท์เคมีราคาแสนแพงได้ อย่างสบายๆ พร้อมให้สาวๆ ทุกท่านอัศจรรย์ใจได้เพียงการใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมในครั้งแรก ซึ่งจะทำให้ผมของเราเงางาม มีน้ำหนัก และแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกได้ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็น Moisturizer และสาร antioxidant ที่สามารถแทรกซึมไปสู่เส้นผมได้เป็นอย่างดี จึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม และช่วยป้องกันศีรษะล้าน ควบคุมรังแค ลดการสูญเสียโปรตีนของเส้นผมจากการดัดผม การย้อมผมด้วยน้ำยาเคมี แม้กระทั่งการหวีผมที่ใช้หวีที่คม


เคล็ดลับสบายอารมณ์ให้ผมสวย

ชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วหนังศีรษะให้ นวดเบาๆ บนหนังศีรษะจนน้ำมันแทรกซึมทั่วหนังศีรษะ เส้นผม และปลายผม สาวๆ จะรู้สึกผ่อนคลายไปในตัว พร้อมได้กลิ่นของมะพร้าวอ่อนๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หรือนานเท่าที่ต้องการ แล้วสระออกให้หมด จะรู้สึกว่าเส้นผมนุ่ม สปริงตัว ไม่ลีบแบน เมื่อทำบ่อยๆ จะช่วยลดการเกิดรังแคอีกด้วยค่ะ
สปาผิวสวย ด้วยวิถีธรรมชาติ เคล็ดลับย้อนวัยให้ผิวอย่างง่ายๆ ด้วยน้ำมันมะพร้าวนี้ คงจะถูกอกถูกใจสาวๆ ทุกคนนะคะ การทาผิวด้วยน้ำมันมะพร้าวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผิวของเรานั้น นุ่มเนียน ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และดูอ่อนกว่าวัยเป็นพิเศษ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามิน E ในปริมาณที่สูง จึงช่วยลดการเสื่อมสภาพของผิวทำให้ผิวเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น ลดสิว ฝ้า กระ รอยด่างดำต่างๆ และใช้ทำความใบหน้าล้างเครื่องสำอางได้ดี เพราะสามารถซึมทราบผ่านผิวไปชะล้างฝุ่นละอองต่างๆ ออก และป้องกันแสงแดด และไม่เหนียวเหนอะหนะอีกทั้งช่วยเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและติดเชื้อของผิว หนังทุกชนิด ป้องกันการเกิดแผลเป็น หน้าท้องลายอีกด้วยค่ะ

เคล็ดลับสบายอารมณ์ให้ผิวสวย
หยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยด ลงบนสำลีชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆ แล้วนำมาทา ให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก คราวนี้ผิวหน้าก็ใสเด้งกว่าใคร
หุ่นสวย…สร้างได้ง่ายๆ น้ำมันมะพร้าว ไม่ทำให้อ้วนเลยค่ะสาวๆ เพราะเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำให้ไขมันสะสมในร่างกาย และนอกจากนี้ยังช่วยเร่งอัตราเมตาบอลิซึ่ม กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น จนทำให้เกิดความร้อนสูงมนร่างกาย จนทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันอื่นๆ ที่สะสมในร่างกายก่อนหน้านี้ได้อีกด้วยค่ะ เท่านี้ความผอม และการมีสุขภาพดีก็อยู่แค่เอื้อมแล้วล่ะค่ะ

เคล็ดลับสบายอารมณ์ให้หุ่นสวย
รับประทานน้ำมันมะพร้าว ก่อนอาหารประมาณ 15 – 20 นาที จำนวน 3 ช้อนโต๊ะ แล้วดื่มน้ำอุ่นตาม 1 แก้ว จะทำให้ไม่หิวง่าย และรู้สึกอิ่ม เมื่อรับประทานเป็นประจำจะทำให้รูปร่างดีขึ้น น้ำหนักลดลง มีภูมิต้านทานหวัดมากขึ้นด้วยค่ะ


เป็นอย่างไรบ้าง มะพร้าวเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยในการปลูกแต่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

10 เคล็ดลับความงามจากธรรมชาติ


สาว ๆ หลายคนยอมเสียเงินไปกับเครื่องสำอางราคาแพงมากมายเพื่อให้สวยทันใจ แต่ใครจะการันตีได้ว่าในระยะยาว ผิวหน้าจะไม่เกิดอาการแพ้ขึ้นมา หรือถึงจะไม่แพ้ก็คงต้องเสียเงินไปจนนับไม่ถ้วน กว่าจะได้ผิวสวยใสมาครองครอง จะดีกว่าไหมถ้าลองหันกลับมาใช้ของธรรมชาติใกล้ตัวที่ทั้งสด ใหม่ หาง่าย ได้ผลดี ราคาไม่แพง และโอกาสแพ้เกือบเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ดังเช่น 10 เคล็ดลับต่อไปนี้

1. สตรอว์เบอร์รี่เพื่อผิวสะอาดหมดจด

ประโยชน์ :
สตรอว์เบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินและกรดเอเอชเอธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี

วิธีใช้ :
ผสมสตรอว์เบอร์รี่ 2-3 ผลกับน้ำมะนาว นำมานวดให้ทั่วใบหน้า แล้วจึงล้างออก


2. ส้มเพื่อกระชับรูขุมขน

ประโยชน์ :
วิตามินและกรดธรรมชาติในส้มจะช่วยสมานและกระชับผิว

วิธีใช้ :
ผสมน้ำส้มสด 2-3 หยดกับน้ำแร่ จากนั้นนำสำลีมาชุบแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป


3. ผักกาดแก้วเพื่อผิวกระจ่างใส

ประโยชน์ :
ผักกาดแก้วช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น

วิธีใช้ :
นำ ผักกาดแก้ว (4 ใบ) มาต้มประมาณ 10 นาที ทิ้งให้เย็นแล้วกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นำสำลีมาชุบน้ำที่กรองไว้ เช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป


4. แอปริคอตเพื่อแก้มใสเปล่งปลั่ง

ประโยชน์ :
แอปริคอตอุดมด้วยวิตามินเอจึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง

วิธีใช้ :
นำแอปริคอตสุกมาบดให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ใช้เหมือนเจลหรือครีมมาสก์หน้าทั่วไป


5. มะนาวเพื่อปรับสภาพผิวหน้าอก

ประโยชน์ :
กรดธรมชาติและสารฟลาโวนอยด์ในมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระชับผิวให้ตึงขึ้น

วิธีใช้ :
นวดหน้าอกด้วยน้ำมะนาวทุกเย็น


6. แครอตเพื่อยืดอายุผิวสีแทน

ประโยชน์ :
แครอตมีสารเบต้าแคโรทีนและแอนตี้ออกซิแดนต์สูง จึงช่วยรักษาสภาพและสีผิวอยางผิวสีแทนหลังอาบแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีใช้ :
ละ ลายวาสลีน 10 กรัม ในน้ำมันจมูกข้าวสาลี (wheat germ) ที่ตั้งไฟจนร้าน จากนั้นเติมน้ำแครอต (4 หัว) ลงไป คนให้เข้ากันแล้วรินใส่ภาชนะเก็บไว้ นำมาทาผิวกายและผิวหน้าให้ทั่ววันละ 1 ครั้งเหมือนครีมบำรุงผิวทั่วไป


7. เกลือเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ

ประโยชน์ :
เกลือมีสารไอโอดีน ทองแดง และสังกะสี ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าให้กลับมากระชับและแข็งแรงเหมือนเดิม

วิธีใช้ :
ละลายเกลือทะเล 1 กำมือลงในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ทั้งตัวหรือจะแช่เฉพาะมือและเท้าก็ได้


8. น้ำผึ้งเพื่อลดรอยคล้ำรอบดวงตา

ประโยชน์ :
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม

วิธีใช้ :
ผสม น้ำผึ้ง 1 ช้อนกาแฟ กับน้ำแร่งอุ่นๆ ครึ่งแก้ว จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาวางบนผิวบริเวณรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที


9. มันฝรั่งเพื่อลดถุงใต้ตา

ประโยชน์ :
สตาร์ช (Starch) หรือสารสีขาวจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง จะช่วยลดการอักเสบของผิวได้

วิธีใช้ :
หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพอกไว้หนาๆ บริเวณใต้ดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

10. กล้วยเพื่อผมนุ่มสลวย

ประโยชน์ :
กล้วยอุดมไปด้วยกลูไซด์ซึ่งช่วยบำรุงผิวรวมทั้งเส้นผมด้วย

วิธีใช้ :
ผสมกล้วยสุกกับน้ำมันอัลมอนด์ 2-3 หยด นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

5 เรื่องความงาม ที่ผู้หญิงพลาดบ่อย

ทุกอย่างพลาดกันได้ แต่เรื่องความสวยความงาม อย่าเผลอผิดพลาดบ่อยไปเชียว เดี๋ยวจะถูกเหมาได้ว่าเราดูแลตัวเองไม่ดีจริง อย่างเช่น 5 เรื่องต่อไปนี้ ที่ผู้หญิงอย่างเราพลาดกันบ๊อย บ่อย

1. ไม่ใช้ครีมบำรุง ไม่เอาครีมกันแดด

พลาดไปถนัดทีเดียว ที่ปฏิเสธครีมบำรุงและครีมกันแดด เพราะนี่ล่ะคือการป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด แม้ว่าครีมที่เราเลือกใช้จะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพงก็ตาม แต่การเติมน้ำให้ผิวและตามด้วยป้องกันแสงแดดในทุกๆ ครั้งที่ออกจากบ้านนี้ จะช่วยยืดอายุผิวได้นาน และยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระได้ดีไม่น้อย

2. ตามกระแส

เดี๋ยวนี้กระแสช่างพาไปจริงๆ จนสาวๆ อดซื้อตามคำบอกเล่าไม่ได้ แต่ในที่สุดก็พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่เหมาะกับเราเสียเลย อย่างเมกอัพที่สีไม่เข้ากับผิว โลชั่นที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือสินค้าที่ราคาแพงเกินจริง แต่สามารถมองหาของดีใกล้เคียงได้ตั้งมากมาย

3. ไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์

บางทีอาจเกิดจากความเสียดาย ความละเลย หรือการไม่รู้ แต่สำคัญที่เดียวที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ความงามตามอายุของมัน สังเกตได้ง่ายๆ จากฉลากข้างขวดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นกว่าประมาณ 2 – 3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ

4. ชอบ แต่ไม่ได้ใช้

เผลอซื้อเพราะแพคเกจจิ้งกันบ้างหรือเปล่า บางครั้งก็ใช้ใจพาไปจนซื้อมาสะสมกันไว้จนใช้แทบไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องตัดใจทิ้งไปเพราะของหมดอายุเสียนี่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คราวหน้าลองจดลิสต์ชิ้นบิวตี้ที่ต้องการจริงๆทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอพลาดจนอดเสียดายสตางค์ทีหลัง

5. ลืมนึกถึงผลกระทบ

ข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะจะเป็นการดีอย่างยิ่งที่เราจะคิดหน้าคิดหลังก่อนจับจ่าย เช่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดี น่าใช้ แต่กลับบรรจุในแพคเกจจิ้งที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถรีไซเคิลได้ บ้างก็ใส่สารเคมีมากเกินจำเป็น บ้างก็ใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย (แถมราคาที่แพงก็เพราะค่าแพคเกจจิ้งเหล่านี้นี่เอง)

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

15 ผักและผลไม้ที่ผิวหน้าต้องการ

ว่านหางจระเข้
บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว

แตงกวา
ช่วยสมานผิว ลบรอยเหี่ยววววว ย่น

มะเขือเทศ
ช่ายสมานผิว ลบรอยเหี่ยววววว ย่นและจุดด่างดำ

ขมิ้นสด
บำรุงผิวหน้าผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว

กล้วยน้ำว้าสุก
บำรุงผิวนุ่มเนียนอ่อนวัย

หัวไชเท้า
ช่วยลดรอยฝ้าและกระให้จางหาย

ใบบัวบก
ลดรอยตีนกา

มะขามเปียก
บำรุงผิวหน้าขาวเนียน ลดรอยฝ้าจุดด่างดำ ชำระสิ่งสกปรก

กล้วยหอม
ลดรอยเหี่ยววววว ย่น ถนอมผิวหน้าให้ชุ่มชื่น

ทุเรียน
ลดปัญหาสิวเสี้ยน

มะนาว
ลดสีเข้มของกระบนใบหน้า

มะม่วงสุก
แก้ปัญหาฝ้าและสิว

มะเขือเทศ
รักษาสิวหัวดำ ป้องกันรูขุมขนอุดตัน ทำความสะอาดผิวหน้า

สับปะรด
บำรุงผิวหน้าขาวใส และช่วยขจัดเซลล์ตาย ให้หลุดออก

แตงโม
บำรุงผิวหน้าชุ่มชื่นสดใส

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เกร็ดความรู้ . . . ความสวยความงาม

1. กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ
เฉลย จริง
เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด

2. การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ
เฉลย จริง
โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

3. เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง
แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้ โดยการใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออกน้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

4. การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ
เฉลย ไม่จริง
การที่เหงื่อออกเยอะ คือภาวะที่ร่างกายโดนความร้อน แล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลานไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม

5. คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ
เฉลย จริง
เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเอง ของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

6. การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ
เฉลย จริง
โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ
ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2
ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง
แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญ แคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลานพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี

8. กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ
เฉลย จริง
เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9.การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ
เฉลย จริง
เพราะการเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

10. การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ
เฉลย จริง
เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้น จนทำให้ขาใหญ่ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น