วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

เตือนห่วงสุขภาพตับ งดกินพาราฯควบกาแฟ

นักวิจัยแนะงดดื่มกาแฟระหว่างกินยาพาราเซตามอล

เอเจนซี - เตือนการดื่มกาแฟระหว่างกินยาพาราเซตามอล อาจทำให้ตับเสียหายรุนแรงพอๆ กับการกินยาแก้ปวดขณะดื่มเหล้า


ปกติ แล้ว การกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้ตับเสียหายถาวร นอกจากนั้น นักวิจัยยังรู้ดีว่า การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนมาก อาจทำปฏิกิริยาให้ยาชนิดนี้กลายเป็นพิษมากขึ้น กระนั้น งานวิจัยนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ชี้ว่าการกินยาพาราเซตามอลและดื่มกาแฟ อาจส่งผลร้ายเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน มีการเติมคาเฟอีนลงไปในยาพาราเซตามอล เพราะเชื่อว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระงับปวด ทว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันเห็นว่า ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนระหว่างกินยาพาราเซตามอล


ดร.ซิ ด เนลสันแจงว่า ข้อแนะนำนี้ไม่ได้หมายความให้เลิกกินยาพาราเซตามอลหรือเลิกกินผลิตภัณฑ์ที่ มีคา­เฟอีน เพียงแต่ต้องระวังมากขึ้นถ้ากินพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะถ้าดื่มแอลกอฮอล์มาด้วย


ในการศึกษานี้ นักวิจัยใช้แบคทีเรียอีโคไลที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมให้ผลิตสารเคมีสำคัญ ที่ป­อดใช้ในการย่อยสลายยาพาราเซตามอล นักวิจัยพบว่าเมื่อผสมพาราเซตามอลกับคาเฟอีนในปริมาณมาก จะทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อตับเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า


ดร.เนล สันอธิบายว่า สำหรับคนปกติ ปอดจะเสียหายรุนแรงหากดื่มกาแฟ 20-30 แก้วระหว่างกินยาแก้ปวด แต่สำหรับบางคนอาจได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันแม้กินยาแก้ปวดหรือกาแฟไม่มาก นัก เช่น คนที่กินยาแก้โรคลมบ้าหมู หรือเซนต์จอห์นส์เวิร์ต ซึ่งเป็นสมุนไพรบำบัดอาการซึมเศร้า ที่มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายผลิตสารพิษออกมามากกว่าปกติเมื่อตับย่อยสลายพาราเซตา มอล

นอกจากนั้น วารสารเคมิคัล รีเสิร์ชรายงานว่า ตัวคาเฟอีนเองสามารถทำลายตับของหนูที่เป็นโรคตับอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เดือนที่ผ่านมา มีข่าวว่าพนักงานเสิร์ฟสาวคนหนึ่งในอังกฤษ ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไข้ขึ้นสูงและใจสั่น หลังซดเอสเปรสโซไป 14 แก้ว

อนึ่ง แม้พาราเซตามอลมีประโยชน์มากกว่าแค่ระงับปวด โดยมีการวิจัยก่อนหน้านี้ว่า ผู้หญิงที่กินยานี้เป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ลดลง 30% ทว่า หากใช้ไปนานๆ อาจเป็นอันตรายต่อตับและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง

Credit : http://heyhaparty.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น